การทำนัตโตะ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ ของนัตโตะ ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้ และกำลังหาข้อมูลกันอยู่ ว่ามันคืออะไร ? ทำยังไง ? แล้วมีประโยชน์อย่างไร?
การทำนัตโตะ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก จนเกินความสามารถของใครหลาย ๆ คน เพราะสามารถหาวัตถุดิบง่ายมาก ๆ โดยมีแค่ถั่วเหลืองดิบเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ ระยะการรอคอย หรือการหมักให้ได้ที่ ถึงจะได้รสชาติตามที่ต้องการ แต่ก่อนที่เราจะบอกถึงวิธีการทำนั้น อลิสอยากจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับเจ้านัตโตะ ให้มากขึ้นกันก่อนว่า มันมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน แล้วที่ไหนบ้างที่นิยมบริโภค
สำหรับเจ้านัตโตะนี้ การทำนัตโตะ ต้นเกิดเนิดมาจากที่ประเทศญี่ปุ่น คนไทยเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นชิน กับชื่อ ” นัตโตะ ” สักเท่าไหร่ แต่เราจะเรียกมันว่า ” ถั่วเน่า ” พออ่านชื่อนี้แล้ว เพื่อน ๆ หลาย ๆ คน คงต้องมีร้อง อ๋อ… กันบ้างแล้วล่ะสิ ใช่แล้วค่ะ มันคือเจ้าถั่วเน่านั่นเอง อย่างที่รู้ ๆ กันว่า มันนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ไว้รับประทานเป็นเครื่องเคียง คู่กับอาหารต่าง ๆ
มันคืออาหารในตำนาน ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมันมีนานมากหลายศตวรรษแล้ว และได้การยอมรับจากทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ว่ามันคือสุดยอดอาหาร ที่ทำจากถั่วเหลือง หาได้ง่าย รสชาติก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความต้องการ แต่ที่แน่ ๆ มันมีคุณค่าทางสารอาหารสูงมาก ชาววีแกนและมังสวิรัติ ต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
การทำนัตโตะ มันก็เป็นอาหารเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบจริง ๆ เพราะด้วยกลิ่นของ ถั่วเน่าญี่ปุ่น มันแรงมาก และลักษณะยืดเหนียว ทำให้คนที่ไม่รู้จัก หรือหัดเริ่มหัดทานในครั้งแรก อาจจะรู้สึกแปลก ๆ สักหน่อย ลังเลใจ หรือไม่อยากจะทานเลยก็ได้ค่ะ บางคนบอกว่า อาหารเมนูนี้ไม่ใช่ทางของเขา เพราะรสชาตินัตโตะ มันเป็นรสชาติเฉพาะตัวเลยจริง ๆ
กลุ่มคนที่หลงใหล ในรสชาติของนัตโตะ ก็มีไม่น้อยเลยนะคะ บางคนถึงขั้นเปิดร้านขายนัตโตะโดยเฉพาะ ไว้ทานคู่กับอาหารอร่อย ๆ ที่บ้าน เรียกรสชาติอาหารได้ดีทีเดียว สำหรับกลุ่มวีแกนและมังสวิรัตินั้น ก็มักจะนิยมทานนัตโตะ เพราะด้วยมันไม่มีส่วนผสมอะไร ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลย ถือว่าตอบโจทย์ กลุ่มวีแกนและมังสวิรัติอย่างมาก
วิธีทำนัตโตะ ไม่ได้มีเพียงแค่สูตรของ ทางญี่ปุ่นเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเทศที่มี การทำนัตโตะ ในรูปแบบของประเทศตนเอง ซึ่งจะแตกต่างออกไป ตามวัฒนธรรม และแหล่งวัตถุดิบ ของแต่ละประเทศ
หลาย ๆ ประเทศนั้น มีเมนู อาหารที่ทำจากถั่วเหลือง ที่เราเรียกกันบ้าน ๆ ว่าถั่วเน่านี่แหละ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าประเทศเนปาล จะเรียกว่า คิเนมา , ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่านัตโตะ หรือออกเสียงว่า นัตโต , ประเทศอินโดนีเซีย จะเรียกว่า เทมเป้ และประเทศไทยเรา เรียกมันว่า ถั่วเน่า เป็นต้น
แต่ที่น่าสนใจคือ การทำนัตโตะ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีถึง 3 ประเภทด้วยกัน แล้วมีประเภทไหนกันบ้างล่ะ ?
- ฮิกิวารินัตโตะ (Hikiwari Natto) ประเภทนี้จะนิยมรับประทานมากที่สุด เพราะใช้ถั่วคุณภาพสูงมาทำ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ๆ หรือผู้ที่เริ่มฝึกรับประทานครั้งแรก ก็จะทำให้ทานง่ายขึ้น ยิ่งทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือผักดองคือดีที่สุดเลยล่ะ
- ฮามานัตโตะ (Hama Natto)
- ยูกินาริ นัตโตะ (ํYukinari Natto)
สำหรับวันนี้อลิสจะบอก การหมักนัตโตะ เจ้าฮิกาวาริ นัตโตะ แบบง่าย ๆ ให้เพื่อนได้ลองทำดูค่ะ ทำง่ายมาก และสามารถเก็บรักษาได้นาน จะทำอย่างไรนั้น มาดูกันเลย
ถั่วเหลืองดิบ 1 กิโล
นัตโตะ 1 ซอง (มันคือ หัวเชื้อนัตโตะ สามารถหาซื้อได้ ตามแหล่งจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่น หรือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ)
ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 4ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ลิตร เพื่อต้ม
น้ำตาลทรายขาว 1ช้อนโต๊ะ
มิริน 1ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ค่ะ)
ล้างถั่วเหลืองดิบหลาย ๆ น้ำ ให้สะอาดที่สุดแล้วแช่ค้างคืนไว้ 1 คืน หรือ 2 คืน ตามสะดวกได้เลย เมื่อครบเวลาแล้วให้นำมา ล้างให้สะอาดและลอกเปลือกออกให้หมด เคล็ดลับคือยิ่งล้างสะอาด นัตโตะก็จะไม่เสียง่ายค่ะ เมื่อล้างสะอาดดีแล้ว ให้ใส่น้ำเปล่าให้ท่วม ต้มจนกว่าจะสุก แล้วซับน้ำออกให้พอแห้ง แล้วนำมาใส่ส่วนผสมกันเลย
จากนั้นให้นำส่วนผสมทั้งหมด คลุกเคล้ากับนัตโตะให้เข้ากันดี เมื่อเข้ากันดีแล้วให้นำใช้ถุง หรือกล่องที่ไม่มีลมเข้าได้ แล้วแช่เย็นไว้ประมาณ 2-3 วัน เชื้อหมักจะเริ่มทำงาน สังเกตได้จากสีและลักษณะจะข้นเหนียว เป็นอันใช้ได้แล้วค่ะ
รับประทานนัตโตะอย่างไรให้อร่อย ถ้าเบื่อที่จะทานกับข้าวสวยแล้ว มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะทานเปล่า ๆ ก็ลองปรับทานคู่กับอย่างอื่น คงจะรู้สึกแปลกใหม่ไม่น้อยเลย
เคยมีชาวญี่ปุ่นได้เล่าว่า เบื่อกับการกินนัตโตะแบบเดิม ๆ เพราะโดยปกติเธอนั้นก็ กินนัตโตะทุกวัน เป็นของว่างอยู่แล้ว วันละ 2-3ครั้ง มันทำให้เธอมีความคิด ที่อยากจะลองทานนัตโตะ กับของหวานดูบ้าง
เธอลองนำมาทานคู่กับช็อกโกแลต และผลลัพธ์คือ รสชาติเข้ากันดีมาก ๆ โดยเธอยังแนะนำต่อว่า ถ้าหากใครที่เป็นชาววีแกน หรือมังสวิรัติก็ให้ลองช็อกโกแลต แบบที่ทำจากพืชมาลองดู เด็ดมาก ๆ
มาถึงตรงนี้แล้ว คงจะต้องพูดถึงคุณประโยชน์ ของเจ้านัตโตะกันบ้าง ถึงหน้าตามันจะดูแปลก ๆ ตา แต่คุณประโยชน์นี่ เกินหน้าเกินตาไปมากทีเดียว เนื่องจากนัตโตะ ต้องทำการหมักบ่มจากเชื้อจุลินทรีย์ บาซิลัส และหัวเชื้อที่นิยมนำมาทำก็คือ Bacillus natto เป็นหัวเชื้อที่ดีที่สุด
เมื่อนัตโตะอยู่ในรูปแบบที่ พร้อมรับประทาน มันจึงมีคุณค่าทางสารอาหารสูงมาก รวมวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย และกรดดีต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ทำให้มีการวิจัยออกมาว่า ถั่วนัตโตะ สรรพคุณ ช่วยให้ผู้ที่รับประทานนัตโตะอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้มีอายุยืน ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง บำรุงกระดูก แถมยังช่วยทำให้ระบบเผาผลาญ ในร่างกายดีขึ้นได้อีกด้วย
จึงไม่แปลกที่ทำไม นัตโตะ จึงเป็นอาหารที่นิยมมาก ตั้งแต่ในสมัยโบราณ เพราะอย่างที่บอกไปว่า มันหาวัตถุดิบทำได้ง่าย และสามารถทานคู่กับ ข้าวสวยเปล่า ๆ เป็นกับข้าวได้เลย ราคาก็ไม่แพง ไม่ว่าใครก็สามารถหาซื้อรับประทานเองได้ หรือแม้แต่อยากจะทำเอง ก็ทำเองได้ง่ายมาก ๆ
และไม่ใช่ว่าบอกว่านัตโตะดี ก็หาทำ หาซื้อแต่นัตโตะมารับประทานอย่างเดียวนะคะ การที่เราจะมีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ร่วม ไม่ว่าจะเป็นการ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้จะได้ย่อยง่าย ๆ
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน นอนไม่ดึกจนเกินไป ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย ๆ 7 ชั่วโมง รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ วันละ 10-15 นาที ก็สามารถช่วยให้ร่างกาย แข็งแรงได้อยู่เสมอค่ะ
มาถึงตรงนี้ ถ้าหากใครที่อยากลองทานนัตโตะ ไม่รู้จะทำยังไงหรือขี้เกียจที่จะทำเอง ซื้อเอาเองมันน่าจะง่ายกว่า มีจำหน่ายแบบสำเร็จรูป ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
แต่ถ้าจะมีให้เลือกเยอะหน่อย ต้องไปดูที่ซูเปอร์ญี่ปุ่น ที่มีมาตั้งขายในไทยแล้วค่ะ ราคาไม่แพงไม่ถึง 100 บาท ก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ ลองหาซื้อมาลองทานดูนะคะ ชิมดูแล้วรู้สึกยังไง ก็แวะมาบอกอลิสหน่อยนะคะ
ติดตามบทความ เมนูอาหารฝรั่ง และบทความใหม่ ๆ ที่น่าสนใจกันต่อได้ที่ >>> สูตรอาหารเอเชีย
เรียบเรียงโดย อลิส